ทุกวันนี้การซื้อของออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสะดวกสบาย ไม่กี่ขั้นตอน แถมยังสามารถเปรียบเทียบราคา เช็ครีวิว ไม่ต้องฝ่ารถติด ออกไปเดินตามหาสินค้าที่ต้องการให้ยุ่งยาก เผลอๆบางทีก็หาไม่เจอ ร้านปิดอีก แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีอย่างเดียว ขนาดเหรียญยังมีสองด้าน (ซุนวูไม่ได้กล่าวไว้ 555) ข้อเสียก็คือ หากเราไม่ตรวจสอบร้านค้าให้ดี ก็อาจจะโดนหลอกลวงให้เสียเงินฟรีๆ ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะมาคุยกันถึงวิธีช็อปปิ้งออนไลน์อย่างไร ไม่ต้องเปื่อยเพราะโดนต้ม!!

7วิธี ซื้อของออนไลน์ยังไง ให้ได้ของชัวร์ 100

1.ความน่าเชื่อถือของร้านค้าหรือคนขาย

อันดับแรกที่ต้องเช็คให้ชัวร์ก่อนซื้อ นอกจากตัวสินค้าแล้ว ก็เป็นความน่าเชื่อถือของร้านค้าหรือคนขายนี่แหละ ว่ามีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน วิธีดูง่ายๆ กรณีถ้าเป็นร้าน มีหน้าร้านมั้ย ที่อยู่ชัดเจนหรือเปล่า หรืออาจจะลองเสิร์ชกูเกิล ด้วยชื่อร้าน ชื่อคนขาย เบอร์โทร รวมถึงเลขที่บัญชี ตามด้วยคำว่า โกง หรือ pantip ซึ่งแน่นอนว่าหากมีคนเอามาแฉลงกระทู้พันทิพ เราก็จะเจออย่างแน่นอน จากประสบการณ์การซื้อของออนไลน์ส่วนตัว เป็นการซื้อต่อจากบุคคล ไม่ใช่ร้าน เราก็เอาชื่อไปเสิร์ช ไม่เจออะไร แต่พอเสิร์ชด้วยเลขบัญชีเท่านั้นแหละ ประวัติยาวเป็นหางว่าวเชียว รอดตัวไปหวุดหวิด!

2. ตรวจสอบช่องทางการติดต่อกับร้านค้าหรือคนขาย

ก่อนโอนเงิน เราต้องเช็คให้มั่นใจก่อนว่าสามารถติดต่อคนขายได้มั้ย ไม่ว่าจะเป็นทาง LINE, Facebook, Instagram, Twitter หรือเบอร์โทรศัพท์ หน้าโซเซียลมีการอัพเดตสม่ำเสมอมั้ย ไม่ปล่อยทิ้งร้าง มีเพื่อนหรือ followers อยู่จริง ใช้รูป profile และ cover photo ที่โอเค โพสอะไรก็มีคนกดไลค์บ้าง มีคอมเมนท์บ้าง อย่าสนใจแต่ยอด Like เพราะปั่นหลอกกันได้ และดูรีวิวร้านในแฟนเพจ Facebook หากรีวิวยังไม่เยอะก็ยังเชื่อถือไม่ได้เท่าไร เพราะอาจจะเป็นพี่น้องผองเพื่อนช่วยๆกันรีวิวให้ได้ แต่ถ้ามีคนรีวิว 50 คนขึ้นไปและได้คะแนน 4.5 อัพก็ถือว่าโอเค

customer-review

3. เช็ควันที่เปิดร้านค้า

หากเป็นร้านค้าส่วนใหญ่จะมีเว็บไซต์ของตัวเอง เราสามารถเอาชื่อเว็บไซต์นี้มาหาอายุของโดเมนได้ เพราะมิจฉาชีพมักจะไม่เปิดเว็บไว้นาน พอโกงได้ก็ปิดแล้ว โดยสามารถตรวจสอบอายุโดเมนได้ที่ เช็คอายุโดเมนทั่วไป

whoisdomain

4. อย่าล่าหาของถูกเกินไป แต่ต้องสำรวจราคาตลาดก่อนทุกครั้ง

ลองเช็คราคาจากหลายๆที่ ว่าส่วนใหญ่สินค้าตัวนี้ขายกันอยู่ที่เท่าไร? เพราะหลายเคสเลยที่โดนหลอกโอนเงิน เพราะหลงไปกับคำว่า “ถูกกว่า” เช่น Macbook มือสอง สเปคเทพ คนส่วนใหญ่ขายกันที่ 25,000 แต่คุณดันไปเจอคนขาย macbook มือสอง สเปคเดียวกัน สภาพสวยพอกัน อุปกรณ์ครบเหมือนกัน แต่ขายแค่ 9,990บาทเท่านั้น??? ราคานี้บอกเลยถ้าไม่โดนหลอก ก็คงเปิดไม่ติด

5.เช็ครีวิวจากลูกค้าที่เคยสั่ง

รีวิวคือเสียงตอบรับจากลูกค้าที่เคยใช้บริการหรือซื้อของจากร้าน เป็นตัวช่วยที่ดีในการตัดสินใจ เพราะช่วยให้เราได้เห็นภาพของการบริการจากร้านค้านี้ด้วย เช่น บริการหลังการขาย หรือแม้กระทั่งการส่งสินค้าเร็วหรือช้า แพ็คสินค้ามาดีหรือไม่อย่างไร ซึ่งก็เป็นอีกส่วนในการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้บริการร้านนี้หรือไม่ แถมยังช่วยลดความเสี่ยงในการโดนโกงอีกด้วย เสียเวลาซักนิดอ่านแต่ได้ประโยชน์หลายอย่างเลยทีเดียว

ในความเห็นส่วนตัวเเล้ว ให้เลือกดูรีวิวจากแฟนเพจ หรือ กูเกิลแมพเท่านั้น ถ้าเป็นร้านค้าจริง ต้องมีสองอย่างนี้แน่นอน ส่วนรีวิวประเภท ส่งรูปภาพแคปหน้าจอลูกค้าชมมาทางไลน์ อันนี้ร้อยละหกสิบ เข้าข่ายหลอกลวงแน่นอน เพราะลูกค้าที่โดนหลอกส่วนใหญ่จะถูกส่งรีวิวปลอมๆนี่มาให้ดู อีกอย่างคือรูปพวกนี้ ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือเลย อาจจะเป็นเเชทกับเพื่อน หรืออาจจะก็อปรูปคนอื่นมา หรือตัดต่อก็ทำได้ง่ายๆ

hacker

6. ตรวจสอบแหล่งที่มาของรูปภาพ

ส่วนตัวเราเคยเจอเคส เอารูปคนอื่นที่ไม่ได้ทำลายน้ำไว้มาลงขาย วิธีเช็คง่ายๆเลย ไปที่ https://images.google.com คลิกที่รูปสัญลักษณ์กล้อง จากนั้นเลือกว่าจะใส่เป็น url หรือลิงค์ของรูป หรือจะอัพรูปขึ้นไปก็ทำได้ ถ้าผลการค้นหาเจอรูปเดียวกันในเว็บอื่น เราก็แค่ตามไปดูว่าใช่คนที่้เรากำลังจะซื้อหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ต้องดูว่าใครน่าเชื่อถือกว่ากันและ ใครน่าจะเป็นเจ้าของรูปนี้ตัวจริงกันแน่

google image

7. เก็บหลักฐานไว้ อย่าให้หาย

หลังจากโอนเงินเรียบร้อย เราต้องเก็บหลักฐานในการสั่งซื้อ เช่น สลิปโอนเงิน ชื่อ-นามสกุล เลขบัญชีของผู้ขาย ชื่อของร้านค้า และถ้าทำได้ก็แคปเจอร์หน้าจอประวัติการสนทนาซื้อขายไว้ให้ครบด้วยก็จะดีมาก เผื่อจำเป็นต้องใช้ ในอนาคต

เพียง 7 ขั้นตอนง่ายๆเท่านี้ ก็น่าจะช่วยลดความเสี่ยงในการโดนโกงไปได 90% เเล้ว แต่สำหรับของที่มีมูลค่ามากๆ ที่มีมูลค่าเกินหมื่น ทางที่ดีที่สุดคือ ไปซื้อที่ร้าน เพราะนอกจากเพื่อความสบายใจของเราเองแล้ว เรายังได้เช็คสภาพสินค้าด้วยตาและมือทั้งสองข้างของตัวเอง ก็ยิ่งทำให้เราสบายใจมากขึ้นเป็นเท่าตัวแน่นอน